Total Pageviews

Saturday 3 December 2011

Marketing for Export ชุดที่ 2

ความต้องการของตลาดส่งออก

1.  ความต้องการที่มีลักษณะต่อเนื่อง (Derived Demand)  หมายถึง 
ผู้ซื้อสินค้าออกจากประเทศไทยมิใช่ผู้ที่นำสินค้าไปตอบสนองต่อความต้องการหรือความพอใจส่วนตัว แต่เป็นการซื้อเพื่อจำหน่ายต่อให้แก่ผู้บริโภคคนสุดท้ายในต่างประเทศ

2.  ความต้องการที่มีความยืดหยุ่นสูง  (Elastic Demand) หมายถึง 
ผู้ซื้อในต่างประเทศจะมีลักษณะความยืดหยุ่นของความต้องการค่อนข้างสูง คือ จะมีระดับความต้องการซื้อเปลี่ยนแปลงขึ้นลงรวดเร็วและรุนแรงมากต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าออกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีสินค้าออกจากประเทศอื่นที่สามารถซื้อทดแทนสินค้าออกจากประเทศไทยที่มีราคาสูงขึ้น ในทางตรงข้ามการลดลงของราคาสินค้าออกของไทยมักจะมีผลให้ระดับการบริโภคของผู้ซื้อในต่างประเทศสูงขึ้นมาก โดยการลดการสั่งซื้อสินค้าออกของประเทศอื่นมาสั่งซื้อสินค้าออกจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นแทน
                ดังนั้นนักการตลาดเพื่อการส่งออกจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าออก โดยเฉพาะการปรับเพิ่มราคาสินค้าออก เพราะอาจจะทำให้ยอดขายของกิจการลดลงจากเดิม เพราะปริมาณการสั่งซื้อลดลงมาก           

3.  ความต้องการที่มีลักษณะผกผันของความยืดหยุ่น  (Reverse  Elasticity)  หมายถึง 
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ความต้องการของตลาดสินค้าออกมักจะมีลักษณะที่ผกผันกล่าวคือ การปรับเพิ่มราคาสินค้าออกขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศกลับเร่งเพิ่มปริมาณการซื้อขึ้นจากเดิม แทนที่จะลดปริมาณการซื้อลง ทั้งนี้เพราะผู้ซื้อคาดหมายว่าหากไม่เร่งซื้อสินค้าในตอนนี้ ไปซื้อในอนาคตจะต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้นกว่านี้ จะเห็นว่าการคาดหมายต่อทิศทางของระดับราคาในอนาคตจะมีอิทธิพลต่อการสั่งซื้อในปัจจุบัน
ในทางตรงข้าม ถ้าระดับราคาสินค้าลดลง และผู้ซื้อในต่างประเทศอาจจะคาดหมายต่อไปว่าระดับราคาส่งออกในอนาคตลดลงอีก แทนที่การลดลงของระดับราคาสินค้าออกจะทำให้ปริมาณการซื้อสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ตามที่ควรจะเป็นกลับทำให้ผู้ซื้อลดปริมาณการซื้อเพื่อรอซื้อสินค้าที่ถูกกว่าอีกในอนาคต

4.  เกณฑ์ที่นักการตลาดใช้พิจารณาเพื่อแบ่งส่วนตลาด  ได้แก่   3  ประเภทใหญ่ ๆ  คือ
                1.  พฤติกรรมการซื้อหรือการใช้  มีการเจาะจงที่จะซื้อสินค้าเฉพาะยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งปริมาณการซื้อค่าใช้จ่ายในการซื้อ คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ ประเภทร้านที่ไปซื้อ ความถี่ในการซื้อ ระยะเวลาในการซื้อเป็นช่วงไหน

                2.  คุณลักษณะของผู้ซื้อ ลักษณะและบริเวณที่อยู่อาศัย  อายุ  เพศ  เชื้อชาติ  จำนวนสมาชิกในครอบครัว  ขนาดของครอบครัว ระดับการศึกษา  รายได้  อาชีพ  ฐานะทางสังคม  กิจกรรมทางสังคมที่กระทำ ความสนใจในสิ่งต่าง ๆ รอบตัว  ทัศนคติ  ความคิด  วิสัยทัศน์  บุคลิกภาพ  ความเชื่อทางด้านวัฒนธรรม
                3.  ลักษณะของสินค้าออกที่เสนอขาย ดูว่าผู้ซื้อมีทัศนคติต่อสินค้าออกของผู้ส่งออกอย่างไร มีความชอบหรือความเข้าใจต่อสินค้าออกในลักษณะเดียวกันหรือไม่
                วิธีการที่จะได้มาซึ่งข้อสรุป ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น คือการออกสำรวจผู้บริโภค และ
สอบถาม เพื่อเก็บข้อมูล และรวบรวมข้อมูลมาทำการวิเคราะห์แบ่งส่วนตลาดด้วยการใช้วิธี  Regression  หรือ Discriminant Analysis

5.  การแบ่งส่วนตลาด  หมายถึง  
การแบ่งส่วนตลาดไม่ได้เกี่ยวข้องแต่เฉพาะงานการแบ่งผู้บริโภคในตลาดสินค้าออกอย่างใดอย่างหนึ่งออกเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความพอใจและต้องการสินค้าหรือองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เหมือนกัน แต่เป็นงานของ
ผู้บริหารการตลาดในการตัดสินใจว่ากลุ่มผู้ซื้อกลุ่มไหนที่ควรจะเป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด  (Market Target)
แล้วทำการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตอบสนองต่อผู้ซื้อ กลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ โดยอาศัยทรัพยากรที่มีอยู่ภายในกิจการ

6.  การวิเคราะห์เพื่อเลือกตลาดส่งออกเป้าหมาย  ประกอบด้วย
                1.  การคาดคะเน
                2.  การวิเคราะห์สภาพการแข่งขันภายในของแต่ละส่วนตลาด
                3.  การพัฒนากลยุทธ์การตลาดเพื่อการส่งออก
                4.  การเลือกส่วนตลาดส่งออกเป้าหมาย

7.  การตลาดแบบเจาะเน้น  หรือการตลาดเฉพาะส่วนมีลักษณะสำคัญ  คือ
                การเลือกส่วนตลาดแบบเฉพาะส่วน  หรือการตลาดแบบเจาะเน้น  (Concentrated  Marketing)  ซึ่งมีข้อดีคือประหยัดทรัพยากร ทุ่มความสนใจและความพยายามได้เต็มที่ และมีโอกาสจะมีส่วนครองตลาด  (Market Share)  สูงในตลาดที่จำกัด แต่ข้อเสียคือ มีความเสี่ยงสูงถ้ามีคู่แข่งขันที่สามารถดึงส่วนครองตลาดไปได้จะสูญเสียตลาดเป้าหมายแห่งนั้นไป

8.  การตลาดแบบครอบคลุมทั่วถึงใช้ได้ดีในกรณี 
ของกิจการขนาดใหญ่ จึงใช้การเลือกส่วนตลาดแบบคลุมทั่วถึงทั้งหมด ซึ่งต้องกระจายทรัพยากรให้ทั่วทุกส่วนตลาด ไม่สามารถให้ความสนใจหรือทุ่มความพยายามในตลาดใดตลาดหนึ่งได้ แต่ถ้าตลาดบางส่วนมีปัญหา  ยังมีตลาดเหลือให้ทำธุรกิจต่อไปได้








Thursday 1 December 2011

วิชา การตลาดเพื่อการส่งออก Marketing For Export

ชุดที่ 1  เรื่องความรู้พื้นฐานของการตลาดเพื่อการส่งออก

1.  การตลาดเพื่อการส่งออกปัจจุบันแตกต่างจากอดีต  เพราะ  
ตลาดเพื่อการส่งออกในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว  เป็นกิจกรรมที่    จำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ  เพราะช่องทางและโอกาสทางการตลาดมีอยู่ไม่มากนักการศึกษาเกี่ยวกับการตลาดเพื่อการส่งออกจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงยุคโลกาภิวัตน์เช่นทุกวันนี้ ธุรกิจเพื่อการส่งออกก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับความสนใจ มีผู้คนมากมายอยากจะเข้ามาสู่ธุรกิจนี้   มองเห็นธุรกิจนี้เป็นช่องทางการทำกำไร มีสภาพการแข่งขันชิงดีกันอย่างดุเดือดเข้มข้น ผู้ที่ทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้วและผู้ที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจนี้จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อปรับตัวให้อยู่รอดได้ และมีความมั่นคงในระยะยาว

2.  จงอธิบายความหมายต่อไปนี้
1.  การตลาดเพื่อส่งออก (Export Marketing)  หมายถึง  เป็นการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจเหมือนกัน  เพียงแต่สินค้าที่ขายนั้นส่งออกไปขายให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้ใช้ในอีกประเทศหนึ่งหรือหลายประเทศ  ซึ่งพฤติกรรมของผู้ซื้อหรือความต้องการของตลาดในกรณีของสินค้าส่งออกมักจะมีความแตกต่างออกไปจากพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่ภายในประเทศไทยดังนั้นความสำเร็จของวงการตลาดเพื่อการส่งออกจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ           ประกอบกัน
2.  ผู้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก  หมายถึง  เป็นธุรกิจระหว่างประเทศที่มีขนาดและขอบเขตการประกอบการแตกต่างกันตั้งแต่กิจการส่งออกขนาดเล็กในรูปบริษัทการค้า  (Trading Company)  บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการผลิตเพื่อการส่งออก  (Manufacturer  on  Export  Goods)  หรือเป็นบริษัทข้ามชาติ  (Multinational  Corporation) ที่มีขอบเขตของการทำธุรกิจ  เครือข่ายกิจการกว้างขวางและกระจายอยู่ในหลายประเทศ
3.  กิจกรรมทางการตลาดเพื่อการส่งออก ประกอบด้วย  การวิเคราะห์ช่องทางการจำหน่ายและการเลือกช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก การนำเทคนิคการหาตลาดมาใช้ในธุรกิจการคิดต้นทุนและการกำหนดราคาสินค้าเพื่อการส่งออก ตลอดจนกิจการส่งเสริมการตลาดเพื่อการส่งออกในต่างประเทศ

3.  ลักษณะที่สำคัญของตลาดต่างประเทศมี  3  ประเภท   ดังนี้
1.  การจัดการเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ
2.  ผู้ดำเนินการ
3.  รูปแบบของกิจกรรมการตลาดในต่างประเทศ

4.  การตลาดส่งออกแบบบังเอิญ  (Casual or Accidential Exporting)  หมายถึง 
กิจกรรมการตลาดระหว่างประเทศที่ผู้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดมิได้คาดหมายล่วงหน้า หรือเตรียมการจัดการไว้ก่อน ลูกค้าในตลาดต่างประเทศเป็นผู้เข้ามาสั่งซื้อสินค้าออกไปเอง  ซึ่งอาจจะมีจำนวนไม่มากในแต่ละครั้ง และไม่บ่อยครั้ง ผู้ดำเนินกิจกรรมการตลาดส่งออกแบบนี้อาจจะไม่ถือว่าตลาดต่างประเทศเป็นตลาดในเป้าหมายของกิจการและมิได้ให้ความสำคัญเชิงนโยบายบางกิจกรรมจัดรวมกิจกรรมดังกล่าวอยู่ในกิจกรรมการตลาดภายในประเทศด้วยซ้ำ
                ในบางกรณีผู้ดำเนินกิจกรรมการตลาดแบบนี้ไม่ได้ให้การส่งเสริมหรือสนใจที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ติดตามลูกค้าให้กลับมาหาตนอีก

5.   การตลาดส่งออกแบบกระตุ้นเร้า  (Active Exporting)  หมายถึง 
กิจกรรมทางการตลาดที่มุ่งให้ความสำคัญ  กำหนดไว้เป็นนโยบายของกิจการที่จะหาทางชักชวนผู้ซื้อจาก
ต่างประเทศ มีการเสาะแสวงหาตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ทรัพยากรต่าง ๆ ภายในกิจการจัดสรรมาเพื่อการนี้มีการกำหนดโครงสร้างองค์กรเป็นฝ่ายงานเฉพาะ เพื่อรับผิดชอบดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือว่าจ้างบุคคลภายนอกดำเนินงานทางการตลาดต่างประเทศแทนตน

6.  เป้าหมายที่นักการตลาดเพื่อการส่งออกมักจะกำหนดมี  3 เป้าหมาย  ได้แก่
                1.  ผลกำไร  (Profits)
                2.  ความเจริญเติบโตและความอยู่รอดของธุรกิจ  (Growth and Survival)
                3.  เป็นส่วนหนึ่งที่สังคมยอมรับ  (Good  Citizen)

7.  แนวคิดการตลาดแบบมวลชน  (Mass Marketing) นับวันจะหมดไปจากการตลาดเพื่อการส่งออกเพราะ
                การผลิตสินค้าอย่างเดียวใช้ราคาเดียวโฆษณา และส่งเสริมการตลาดแบบเดียว และวางจำหน่ายกระจายไปทั่วโลกเป็นไปได้ยาก การตลาดต่างประเทศจะเป็นตลาดแบบแบ่งส่วนตลาด  (Marketing Segmentation)   ที่ต้องเจาะลึกลงไปถึงท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งเฉพาะภูมิภาค

8.   ผลดีที่จะได้จากการที่ผู้บริหารงานการตลาดส่งออกเป็นผู้คล่องตัว  คือ 
ผู้บริหารงานการตลาดต่างประเทศต้องมีความคล่องตัวสูงมาก เลือกปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพ
ตลาด และควรเป็นการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้ามากกว่าการหากำไรระยะสั้น และควรหาพันธมิตรทางธุรกิจแทนการแข่งขันกันตลอดเวลา ความร่วมมือจะทำให้เกิดความสะดวกคล่องตัวและมีประสิทธิผลมากกว่า
(จาก การตลาดเพื่อการส่งออก   สนพ . บริษัทพัฒนาวิชาการ (2535) จำกัด)